845 HIP Pan Pai #4

Mission Report: HIP ปั่นปาย #4 .. ปั่นรถถีบจากเชียงใหม่ ไปอ. ปาย (แม่ฮ่องสอน) อยากบันทึกไว้อ่านตอนแก่

ก่อนปั่น

ฉันกับนีโม่เคยร่วมงานนี้ครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว: HIP ปั่นปาย ครั้งที่ 3 ครั้งที่แล้วประทับใจมาก ปีนี้พอเปิดรับสมัครก็เลยไม่ลังเล สมัครแพ็คคู่ไปเหมือนเดิม

รูปงานครั้งที่ 3 กับนีโม่ผู้ยังเป็นสล็อธอยู่

แต่พอใกล้ๆ งาน นีโม่ก็มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถปั่นไปด้วยกันได้ ต้องเปลี่ยนสถานะจากนักปั่นเป็นผู้ติดตาม และนั่งรถไปด้วยกันกับขบวนแทน ซึ่งก็หมายความว่า ฉันก็ต้องปั่นเพียงลำพัง..

ซึ่งมันไม่ลำพังหรอก เพื่อนร่วมทริปมีเป็นร้อย .. แค่นึกเสียดายแทนนีโม่ที่ไม่ได้มาปั่นด้วยกัน

แต่ถ้ามองอีกด้านก็เป็นเรื่องดี เพราะการให้เมียนั่งรถไป น่าจะปลอดภัยกว่าให้นางปั่นไปเอง

ปีที่แล้วฉันไม่ได้ติดเสื้อกันลมไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามันจะหนาวขนาดนั้น โชคดีที่พี่โหน่ง บก. HIP Magazine เห็นว่าไม่มีเสื้อก็เลยให้ยืม (ขอบคุณมากครับ!) ถ้าไม่ได้เสื้อพี่คงลำบากกว่านั้นเยอะ

ก่อนปั่น 1 สัปดาห์ก็เลยพยายามไปหาเสื้อกันลมสำหรับปั่นจักรยาน ไปหลายที่ แต่ก็ไม่เจอที่ถูกใจ พอเจอที่ถูกใจก็ไม่ถูกไซส์ สุดท้ายเลยได้เสื้อกันลมสำหรับนักวิ่งมาแทน (ยี่ห้อที่ออกเสียงคล้ายๆ ปลาแซลมอน)

ซึ่งพอวันปั่นจริง เสื้อตัวนี้ แม่งไม่ได้ใช้เลย..


วันปั่นวันแรก: เชียงใหม่-ปาย

ไปลงทะเบียนตั้งแต่เช้ามืด เริ่มปั่นประมาณ 7 โมงเช้า พระอาทิตย์เพิ่งเริ่มขึ้น อากาศยังเย็นๆ อยู่ ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะใส่เสื้อที่(อุตส่าห์)ไปซื้อมาดีไหม แต่สุดท้ายไม่ได้ใส่ พับใส่กระเป๋าหลังเสื้อไว้ ซึ่งถูกแล้วเพราะปั่นไปได้สักพักก็ไม่เย็นละ

ปั่นตามกลุ่มไปเรื่อยๆ การได้ปั่นตาม(ดูด)กลุ่มหลายสิบคนเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะประหยัดแรงได้เยอะ ปกติฉันปั่นเดี่ยวตลอด การได้ตามกลุ่มก็ถือว่าได้ประสบการณ์ต่างไปจากการปั่นตามปกติพอสมควร ก็ตามเกาะเขาไปเรื่อยๆ จนถึง CP แรกที่ม่อนระมิงค์ ก่อนทางแยกไปปาย

แวะเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว กลับออกมา คนหายไปเกือบหมดแล้ว 😦 แต่พี่มาร์แชลก็ยังรวมกลุ่มเล็กๆ ให้พากันออกมาได้ประมาณหกเจ็ดคน ฉันก็เกาะกลุ่มเล็กๆ นี้มา พอเริ่มขึ้นเนินแล้ว กลุ่มก็เริ่มแตกเหลือสองสามคน เป็นธรรมดาเพราะแต่ละคนก็ปั่นตาม pace ตัวเอง

ฉันตามพี่มาร์แชลคนหนึ่งไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงร้านกาแฟแป้นเกล็ด พี่หันมาถามว่าแวะพักรอเพื่อนที่มาด้วยกันก่อนไหม

ฉันบอกว่า ไม่มีกลุ่มเพื่อนมาด้วยกันครับ ผมมาคนเดียว ก็เลยขอแซงไปก่อนเพราะว่าพอปั่นคนเดียวได้อยู่ พี่มาร์แชลจอดรอกลุ่มที่มาทีหลังที่ร้านกาแฟ

*ทีมงานมาร์แชลดูแลนักปั่นดีมาก ตามเก็บทุกคน

ปั่นผ่าน CP 2 ที่เซเว่นฯ บ้านสบเปิง ซึ่งไม่มีนักปั่นเลย ฉันคิดว่าถ้าไม่ออกไปกันหมดแล้ว ก็คงไม่มีใครแวะ เพราะเพิ่งจะออกมาจาก CP1 กันได้ไม่นาน

พอถึงร้านแป้นเกล็ด มีนักปั่นแวะเยอะพอสมควร ฉันดูน้ำในกระป๋อง(หรือเขาเรียกว่ากระติกวะ?)แล้วยังไปต่อไหว ก็เลยไม่ได้แวะเข้าไป

ผ่านร้านแป้นเกล็ด เริ่มเป็นทางขึ้นเนินจริงจัง ช่วงนี้ร้อนมากแต่ก็ปั่นเนิบๆ ไปเรื่อยๆ พยายามคุมโซนหัวใจไม่ให้เกินโซน 3 แต่ด้วยความร้อน มันก็ขึ้นไปโซน 4 อยู่ซะเยอะ ฉันปั่นประคองไป เจอพี่ๆ นักปั่นท่านอื่นบ้าง โดนแซงบ้าง ได้เจอนักปั่นระหว่างทางเรื่อยๆ ไม่เหงาดีเหมือนกัน

แต่ก็อดนึกไม่ได้ ว่าไอ้ที่เคยหนาวๆ ปีที่แล้วมันหายไปไหนหมดวะ 555 นี่แค่แดดเช้ายังขนาดนี้ แดดบ่ายจะขนาดไหน

พอพ้นเนินช่วงแรกมาแล้ว เป็นทางลงสลับกับเนินเตี้ยๆ ได้ทำความเร็วหน่อย ความร้อนก็เลยลดลงไปบ้าง ก็ปั่นไปเรื่อยๆ จนถึง OK Mart เป็น CP 3 (ที่ระหว่างทางรู้สึกว่าไกลกว่าเดิมรึเปล่าวะ ทำไมไม่ถึงสักที) แวะกินข้าว จิบกาแฟกับนีโม่ที่ CP3

เส้นทางหลังจาก CP 3 จำได้จากปีที่แล้วว่าจะขึ้นเนินอีกเรื่อยๆ อากาศก็จะเริ่มเย็นลง อาจจะได้ใช้เสื้อที่พับไว้(สักที!)

เพราะมัวแต่ไปอึ เลยไม่ทันขบวนที่เพิ่งออกไป (แดม!) ฉันเลยปั่นออกมาจาก CP 3 เพียงลำพัง เนินช่วงนี้ไม่ชันมาก แต่คดเคี้ยวหักศอกไปมา ดูแล้วก็สวยดี รถบนถนนก็ไม่เยอะเท่าปีที่แล้ว เลยทำให้ปั่นสบายกว่า

ระหว่างปั่นไป ฉันก็รอว่าเมื่อไหร่จะถึงตอนหนาวๆ จะได้หยิบเสื้อออกมาใส่ .. แต่สุดท้ายมันก็ไม่หนาว ไม่หนาวเลยจนถึงปาย

CP 4 คือจุดชมวิวรักจัง หน่วยควบคุมไฟป่าห้วยน้ำดัง ฉันจำได้ว่ามีร้านกาแฟอยู่ตรงนั้น จะหาอะไรกินหน่อยเพราะเริ่มหิวอีกแล้ว แต่พอไปถึง ร้านปิดจ้า โชคดีอีกแล้วที่มีรถทีมงานจอดอยู่ ฉันไปขอกล้วยกินลูกนึง พร้อมกับสปอนเซอร์อีก 1 ขวด ขอเติมน้ำ ไปต่อ

ทริปนี้ถ่ายรูปมาน้อยมาก

ปั่นแบบต่อนยอนๆ ไปเรื่อยๆ ช่วงนี้วิวเป็นเขาสูงแล้ว (ห้วยน้ำดัง) เริ่มเห็นต้นสนเยอะขึ้น สวยดีเหมือนกัน ปั่นไปเพลินๆ อยู่กับตัวเองไปเรื่อยๆ ชมนกชมไม้ ..

ฟังดูเหมือนชิว แต่จริงๆ มันก็เหนื่อยและร้อนอยู่เหมือนกัน ฉันก็ปั่นตาม pace ของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้จะมาทำเวลาอะไร ขอแค่ไปถึงแบบปลอดภัย และไม่กรอบมากก็พอ

เหตุผลส่วนหนึ่งที่สมัครมากับงานนี้เพราะเป็นงานปั่นที่ไม่ใช่การแข่งขัน สโลแกนประจำงานคือ ไม่มีการแข่งขันเพราะทุกคนคือเพื่อนกัน ส่วนสโลแกนประจำใจฉันคือ ไม่มีการแข่งขันเพราะยังไงกูก็ไม่ทันเขาอยู่ดี (มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนนะแอ๋ม) 😅

ถึง CP 5 ด่านตรวจดอยแม่แยะ ผิด แม่ยะ! ฉันแวะพักทำใจนิดหนึ่งเพราะทางข้างหน้าจะเป็นทางลงเขายาวและชัน .. ความจริงคือกูเมื่อย

เช็คเบรค เช็คยางดูแล้ว ปกติดี ก็ปั่นลงเขามาแต่เพียงลำพัง (มึงลำพังอีกแล้วเหรอ) ลงเขาช่วงนี้สนุกดี ถึงแม้ถนนจะมีหลุมเป็นบ่อให้ตื่นเต้นบ้าง แต่ก็ดีกว่าปีที่แล้วเยอะ ทางชันและคดเคี้ยวแบบนี้ จะว่าอันตรายมันก็ใช่ แต่จะว่าสนุกมันก็สนุก

รางวัลที่ดีสำหรับนักปั่นที่ไต่เขามากว่าครึ่งค่อนวัน ก็คือการปั่นลงดอยนี่แหละ นอกจากจะได้ทดสอบทักษะของตัวเองแล้ว ก็ยังได้ทดสอบรถ ในเงื่อนไขสภาพเส้นทางที่แตกต่างออกไปจากที่เคยปั่นอยู่เป็นประจำ

CP 6 ด่านแยกวัดจันทร์ ไม่ได้จอด

ถึงเส้นชัย ประมาณบ่ายสองปลายๆ ที่สะพานประวัติศาตร์ปาย ลงชื่อ รับเหรียญและของที่ระลึก (เหรียญปีนี้สวยกว่าเดิมด้วย) ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธี

เก่งมากเจ้าย่อน
เหรียญของปีนี้ ดูดีพรีเมี่ยมกว่าเดิม
นักปั่นชาวต่างชาติอีกกลุ่มที่มาปั่นในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ละคนอายุไม่น้อยแต่ปั่นกันโหดมาก

แต่ภารกิจของฉันยังไม่จบ ยังต้องปั่นจากเส้นชัย ไปยังที่พักในตัวเมืองอีกสิบกว่ากิโล ความจริงไม่ต้องปั่นก็ได้ เพราะทีมงานมีรถตู้และรถขนจักรยานไว้รอแล้ว แต่ฉันไม่ได้รอเพราะคิดว่าเหลืออีกแค่สิบกิโล จะเป็นไรไป ก็เลยเลือกปั่นต่อ .. แรงเหลือว่างั้น

หารู้ไม่ว่ามันคือ 10 กิโลที่รู้สึกว่าโคตรไกล ไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที ♬

มันคือแดดบ่ายที่กลัวๆ มาพร้อมเนินขึ้น-ลงมาเรื่อยๆ กะซ้อมเราให้ตายไปเลย คือคิดไว้แล้วว่ามันอาจจะร้อน แต่ไม่คิดว่าจะร้อนขนาดนั้น (สูงสุด 35℃ ) ยังไม่พอ มีฝุ่นควันมาเป็นอุปสรรคเพิ่มเติมด้วย สมกับเป็นด่านสุดท้ายจริงๆ

ตอนเข้าเมืองปั่นหลงทางนิดหน่อย แต่ก็ถึงที่พักจนได้ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ รวมระยะทางทั้งหมดเป็น 126km พร้อมกับระยะไต่อีก 1,949m

(ได้ personal record ระยะทางที่ไกลที่สุดที่เคยปั่นที่ 126km เยอะกว่าปีที่แล้ว 2km อาจจะเป็นเพราะที่หลงทางนั่นแหละ 😅)

หยิบเสื้อกันลมที่พกมา ดูอย่างภูมิใจ .. ถ้าไม่ได้เสื้อตัวนี้ กระเป๋าหลังก็คงเบากว่านี้อีกหน่อย แหม่..

ตอนเย็นเป็นงานเลี้ยงที่จัดที่โรงแรม บรรยากาศชิวๆ เหมือนเคย มีพี่จุ๋ยจุ๋ยส์มาเล่นดนตรีให้ฟังกัน สนุกสนานเฮฮากันไป


ปั่นวันที่ 2: ชมเมืองปาย

วันนี้แบ่งนักปั่นเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกสำหรับขาโหด ปั่นจากปายไปดอยกิ่วลม ฉันดูเส้นทางในแอพ Komoot แล้วคิดว่าไม่ไหวแน่ๆ ขอผ่าน

ระยะทางกลางๆ แต่นายดูความชันนั่นสิ!

เลยขอเลือกไปกับกลุ่มที่ 2 ปั่นชมเมืองปาย แบบสบายๆ ชิวๆ เป็นการ recovery จากการปั่นหนักมาแล้วเมื่อวาน

(ปีที่แล้วจำได้ว่าก็ได้ยินมาแบบนี้แหละ ปั่น recovery เบาๆ แต่สุดท้ายแล้วโดนหลอกไปเชือด คือปั่นชิวๆ ไปทำกิจกรรมวันเด็กกัน เพียงแต่โรงเรียนที่ไปอยู่ไกลไปนิดนึง เลยเป็นการปั่นด้วยระยะทางไป-กลับกว่า 50km พร้อมระยะไต่ elevation gain อีกเกือบ 700m .. 🚵‍♂️)

แต่ปีนี้ชิวจริง ระยะทางสิบกว่าโลที่ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน แวะมอบของที่มูลนิธิคว้าดาว แวะดูช้าง แวะแช่เท้าที่น้ำพุร้อน แล้วก็ไปทานมื้อเที่ยงกลางทุ่งนากัน

หวัดดีครับน้องครับ
หวัดดีพี่ช้าง
รางวัลซักใบมั้ยครับ..

ตอนบ่ายจริงๆ ก็ยังพอมีเวลาให้ไปปั่นได้ แต่ด้วยอากาศที่ไม่ค่อยดี ฝุ่นเยอะ ก็เลยนั่งชิวๆ อยู่ที่โรงแรม นั่งฟังพี่ๆ ทีมมาร์แชลเค้าคุยกัน .. (เกือบโดนพี่ทศหลอกไปปั่นแล้วเหมือนกัน เกือบหลงไปด้วยแล้ว)


วันที่ 3

วันนี้ไม่มีอะไร ทานข้าวที่โรงแรมแล้วก็นั่งรถกลับเชียงใหม่ จบทริป HIP ปั่นปาย ครั้งที่ 4 อย่างสมบูรณ์


เป็นอีกทริปที่ประทับใจเหมือนเดิม นอกจากเส้นทางสวยๆ แล้วก็ชอบบรรยากาศความเป็นกันเองนี่แหละ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้มากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เหมือนกลุ่มอื่น แต่ก็แอบชื่นชมในความเฮฮาของแต่ละกลุ่ม จำพี่ๆ หลายคนจากปีที่แล้วได้ (ถึงแม้จะไม่รู้จักชื่อครบทุกคน) เหมือนทุกคนตั้งใจมาชิวๆ มาพักผ่อนกันด้วยการปั่นจักรยานที่ปาย เป็นบรรยากาศที่ดี

ถ้ามีเวลาและโอกาส ก็อยากจะไปร่วมอีกเรื่อยๆ

ปีหน้าค่อยมาลุ้นกัน

One response to “845 HIP Pan Pai #4”

  1. สุโก้ย เคยดูโอตาคุน่องเหล็ก Yoshimura Pedal นี่แหละ บอกว่าปั่นเป็นหมู่คณะแล้วจะไม่เหนื่อย!

    Liked by 1 person

Leave a comment