วันนี้ตื่นสายได้นิดหน่อยเพราะเป็นวันอาทิตย์
อีกอย่าง ตื่นเช้าไป ก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี
แล้วจะตื่นเช้าไปทำไม
.. พอนึกได้ว่าต้องตื่นไปทำกับข้าวนี่หว่า
ก็เลยตื่นประมาณ 9 โมงนิดๆ
สถานการณ์ไวรัส กับฝุ่นควันที่เชียงใหม่ ไม่รู้อันไหนหนักกว่ากัน
แต่ทั้งสองก็เป็นการบังคับให้ต้องอยู่บ้าน
ไม่ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น
ความจำเป็นของฉันมีอยู่สองอย่าง
หนึ่งคือ ออกไปซื้อของมาทำกับข้าว
สองคือ ออกไปซื้อของมาทำกับข้าวแล้วแวะซื้อเบียร์มาด้วย
วันนี้ก็เลยได้นอนกลางวัน และเล่นกับลูก เป็นส่วนใหญ่
กล่อมลูกนอนได้ด้วย นานๆ จะทำได้สักที

ตอนเย็นออกไปซื้อของที่ร้านริมปิง
ระหว่างขับรถก็คอยดูข้างทาง
ร้านต่างๆ ที่เคยคึกคัก ปิดกันไปหมด
มันเลยดูเหงาแปลกๆ
เชียงใหม่ เดือนมีนาคม มันก็จะเหงาๆ เป็นปกติ
แต่ปีนี้ดูแล้วเหงากว่าปกติ อะไรๆ มันก็ดูไม่ดี
อะไรที่เคยไม่ดี ก็มีแต่จะแย่ลง
แต่เขาว่ากันว่า ชีวิตของคนเรา อยู่ได้ด้วยความหวัง
ถึงแม้สถานการณ์จะดูสิ้นหวัง
แต่เรายังหาทางเติมไฟแห่งความหวังในใจได้เสมอ
ก่อนเติมความหวัง อาจต้องเติมน้ำมันรถก่อนด้วย
ขากลับบ้าน ฉันแวะเติมน้ำมันรถเครื่อง
เติมเต็มถัง ปกติต้องร้อยอัพ แต่วันนี้แค่ 60 บาท
เลยหันไปมองราคาน้ำมัน
ไม่รู้มันถูกลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ลิตรละไม่ถึง 20 บาท

มื้อเย็นวันนี้เป็นสปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง ใส่เห็ด เบคอน และไส้กรอก
เคยผัดมาหลายครั้ง ก็ยังรู้สึกว่าไม่ถนัดอยู่ดี
ผัดทีไร ก็ออกมาไม่เหมือนกับที่ไปกินที่ร้านเลย
แต่ก็กินจนหมดนะ

ฉันมีเพลงใน spotify ที่กดติดหัวใจไว้ 177 เพลง
วันไหนถ้าต้องเดินทางด้วยรถเครื่อง
ฉันจะเปิดเพลงฟังไปด้วยตอนขับรถ
ด้วยการไปหน้าเพลงที่ติดหัวใจไว้ แล้วกดปุ่ม shuffle play
เพลงไหนเล่นเป็นเพลงแรก ก็จะถือว่าเพลงนั้นเป็นเพลงประจำวัน
วันนี้ได้เพลง Failure in Disguise ของ Jayesslee
วันนี้อายุ 32 ปีแล้ว
รู้สึกว่าแก่กว่าตอนอายุ 22 เยอะ
แต่ไม่ได้รู้สึกว่าแก่ลงกว่าเมื่อวานเท่าไหร่
ยังสบายดี
ปล. โพสต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของบันทึก 29 มีนา