เดือนที่แล้วได้ดูสารคดีเรื่อง The Game Changer ใน Netflix
เป็นสารคดีเกี่ยวกับการบริโภคอาหารจากพืชแทนเนื้อสัตว์
ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องการกินมังสวิรัติหรือกินเจเท่าไหร่
อาจเป็นเพราะหลายคนที่เคยเจอมากับตัว
เขาเลือกกินมังฯ กินเจ ด้วยเรื่องศาสนา หรือความเชื่อส่วนบุคคล
ซึ่งถ้าเป็นเรื่องความเชื่อของใคร ฉันจะไม่ชอบไปยุ่ง
และพยายามจะไม่หาเหตุผล หรือตั้งคำถามอะไร
เพราะมันเป็นเรื่องส่วนบุคคลจริงๆ มันไม่มีผิดมีถูก
แต่เรื่อง The Game Changer นี่ ฉันดูแล้วชอบ
ชอบที่เนื้อเรื่องเน้นไปทางด้าน performance ของนักกีฬาเป็นหลัก
มีผลวิจัยอะไรมาเสริมมากมาย ตามสไตล์อเมริกันที่ว่าด้วยเรื่องตัวเลขและข้อมูล
(ถึงแม้จะมีประเด็นอื่นโผล่มานิดหน่อยก็ตามเถอะ)
มันดูแล้วเป็นวิทยาศาสตร์ดี
สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจก็คือ ในสารคดีบอกว่า การทานโปรตีนจากพืช
ช่วยให้ร่างกาย recovery กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บได้ดีขึ้น
หรือช่วยให้อาการบาดเจ็บลดน้อยลง
แล้วก็ทำให้ใช้พลังงานได้นานขึ้น กับกีฬา endurance บลาๆๆ

หัวเข่าของฉันอาจต้องการสิ่งนี้!
(บริบท: ฉันมีอาการเจ็บเข่าจากการปั่นจักรยานมาหลายเดือนแล้ว
เป็นๆ หายๆ ไม่เจ็บมาก แต่ก็ไม่เหมือนเดิม)
ถ้าวาดแผนภาพอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องการกิน
ฉันมั่นใจว่า รูปของฉันจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกกินพืชแน่นอน
เพราะชอบกินเนื้อมากกก (โดยเฉพาะเนื้อย่าง สเต็ก!)
การงดกินเนื้อ หากินโปรตีนจากพืชเท่านั้น คงไม่ใช่ทางเรา
แต่
ถ้ามันจะทำให้เข่าหายเจ็บ หรืออย่างน้อยดีขึ้น
ทำไมเราจะไม่ลองดูล่ะ?
นอกจากเป็นการทดลองแล้ว ฉันก็อยากลองฝึกปรับความคิดตัวเอง
เป็น mind game ระหว่าง 2 ความคิดที่มีในตัวเอง
ถ้าต้องทำในสิ่งที่คิดว่า จะไม่ทำแน่ๆ
มึงจะทำได้ไหม (น้ำเสียงท้าทาย)
เราจะมีสิทธิ์ไปตัดสินอะไรต่างๆ ได้ยังไง
ถ้ายังไม่ได้ลองลงมือทำเอง
challenge accepted
ฉันจะลองงดกินเนื้อ 1 สัปดาห์
(ถ้าบอกเพื่อน เพื่อนคงสบถกลับมาว่า ห๊ะ อย่างมึงเนี่ยนะ?!)
บอกที่บ้านว่าจะลองไม่กินเนื้อดู 1 สัปดาห์
นีโม่ไม่ได้ว่าอะไร สนับสนุนด้วย
แต่แม่ฉันดูเหวอเล็กน้อย
อารมณ์เหมือน ลูกฉันเป็นอะไร ไปกินเห็ดเมามารึเปล่า
แต่ในช่วงวันหลังๆ แม่ก็สนุกไปด้วย
ต้องบอกแม่เพราะแม่ต้องทำกับข้าวให้กิน
ส่วนมื้อกลางวันก็จัดการตัวเอง
ข้างล่างนี้เป็นรูปอาหารที่ถ่ายเก็บไว้ในช่วงสัปดาห์นั้น
วันแรกฉันไปร้าน สมถะ ของน้องริบบิ้น
ร้านสมถะเป็นร้านอาหาร plant base อยู่แล้ว มีของให้กินแน่นอน
มื้อแรกเป็น ข้าวแกงกะหรี่
วันที่สอง ก็ไปร้านเดิม แต่สั่งเมนูอื่น เป็นข้าวควินัวกับผัก
(รูปแคปฯ มาจากวิดิโอ เลยไม่ชัดเท่าไหร่)

อีกวันไปกินที่ Food4Thought ที่ราคาสูงหน่อย
เมื่อเทียบกับอาหารทั่วไปที่กินเป็นมื้อเที่ยง
แต่ฉันก็คือว่า เป็นโอกาสพิเศษ จะกินของพิเศษบ้างจะเป็นไร
สลัดถั่วลูกไก่ (Chick Pea) โปรตีนสูง
จานข้างล่างนี้ ถ้าไม่ใส่ขิงมาจะดีงามมาก
น้ำเขียวๆ นั่นคืออะไรไม่รู้ จิ้มมามั่วๆ
หนังสือสีดำคือ It Doesn’t Have To Be Crazy At Work (แนะนำ)(ไม่เกี่ยว แต่อยากอวด)

มือเย็นจากวันหนึ่ง: สลัดมั่วๆ กับถั่วพีแคน (ตั้งชื่อเอง)
เป็นถั่วที่อร่อยที่สุด ชอบที่สุด แต่ไขมันเยอะสัสๆ
ถ้วยนี้ทำกินเองที่บ้าน ใส่ถั่วพีแคน พริกหวาน 3 สี หอมใหญ่ มะม่วงสุก ผักชี
คลุกๆ กับน้ำมันมะกอก กับน้ำส้มสายชูบัลซามิก เกลือ พริกไทย
เมนูนี้เป็นเมนูหากินประจำตัวเลยก็ว่าได้

ส่วนข้างล่างนี่ไปกินที่ร้าน Vegan Heaven ถนนลอยเคราะห์
ฝรั่งเยอะเต็มร้าน ส่วนอาหารอร่อยดี (ถ่ายรูปไม่ทัน)

ถ่ายรูปมาเท่านี้แหละ
สิ่งที่ได้จากการทดลองครั้งนี้
- ได้ลองกินอาหารแปลกๆ ที่ปกติไม่ได้กิน โดยเฉพาะถั่วต่างๆ และเต้าหู้
- เต้าหู้อร่อยๆ มีอยู่จริงบนโลก จริงๆ ที่ริมปิงมีเต้าหู้หลายแบบมาก
- ระบบขับถ่ายดีขึ้น .. สำหรับฉัน อาจจะดีเกินไป เพราะปกติมันก็ดีอยู่แล้ว ทีนี้ล่ะคล่องปรึ๊ดเลย
- หมดเงินกับอาหารไปเยอะกว่า เพราะไม่ยอมคุม budget และไปหาซื้อแต่ถั่วไฮโซกิน
- ทำอาหารกินเองจะประหยัดกว่า
- อยากให้ในบ้านเราอาหารมังฯ หรือเจ มัน mass กว่านี้ แบบร้านตามสั่งทั่วไป ไม่ต้องไปร้านเจโดยเฉพาะ
ครบ 1 สัปดาห์
ก็พบว่า การไม่กินเนื้อ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
ไม่อึดอัด ไม่ทรมานอยากกินเนื้อในระหว่างทาง
เราก็ทำได้ ไม่เห็นตายนี่หว่า
ถึงแม้เจ็บเข่าจะยังไม่หายก็ตาม
ฉันคิดว่าทดลองเพียง 1 สัปดาห์คงจะสั้นเกินไปจริงๆ
ถ้าคราวหน้าได้ลองอีก อาจจะทำให้นานกว่านี้
เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้กับมากินเนื้อปกติเหมือนเดิม
สิ่งที่ได้ค้นพบอีกอย่างก็คือ
ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ได้กินเนื้อเลย 1 สัปดาห์
ไม่ได้โหยหา
แต่ไม่ก็ทำให้ความชอบเนื้อย่างของฉันลดลงเลย 😅
มุมมองในการกินอาหารของฉันคงเปลี่ยนไป
อย่างน้อย มันก็ไม่ได้สุดไปทางใดทางหนึ่งแล้ว
ถ้ามีคนท้าให้ไม่กินเนื้อเลย
เมื่อก่อนฉันจะบอกแบบไม่คิดเลยว่า ไม่ (ไม่โว้ยย)
แต่ถ้าเป็นตอนนี้จะบอกว่า เอาดิ ลองดู
🙂
One reply to “876 Change the Game”