- วันนี้ค่าฝุ่นควัน PM2.5 สูงขึ้นจากเมื่อวาน ค่า AQI อยู่ที่ประมาณ 200+
- เป็นวันศุกร์ที่ก็ต้องไปทำงานตามปกติ ไปถึงออฟฟิศประมาณ 8.30
- มื้อเช้าเป็นข้าวราดแกงจากร้านข้าวแกงพระนคร ใกล้วงเวียนซอยช่างเคี่ยน
- ตามด้วยกาแฟ piccolo latte เหมือนเดิม
- ยังไม่ทันเริ่มทำงาน Sara Lee ขอให้ช่วยซ่อมคอมให้ก่อน รันโปรเจ็คไม่ได้
- ใช้เวลางมกันสองคนอยู่ประมาณ 1 ชม. กว่าๆ ไม่รู้ฉันได้ไปช่วยหรือทำให้มันพังกว่าเดิมนะ 555
- แต่วันนี้ก็รู้สึกว่าเป็นวันศุกร์ที่ productive ดี
- เนื่องจากวันนี้เป็นศุกร์ มื้อเที่ยงวันศุกร์จึงต้องไม่ธรรมดา
- ในกลุ่มจะเรียกกันว่า friday special
- คือการหาข้ออ้างว่าเป็นวันศุกร์ เพื่อที่จะได้กินเยอะกว่าเดิม
- ฉันไปกินสเต็กร้านหลิว .. ซึ่งหลิวคือชื่อน้องที่ทำงาน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ร้าน เพียงแต่เคยไปแล้วเจอหลิวนั่งกินอยู่ เลยเรียกว่า สเต็กร้าน(ของ)หลิว
- อร่อย และถูกดี ทั้งโต๊ะนี่ 125 บาทมั้ง
- มีหนังสือไปอ่านระหว่างรอด้วย เอาหนังสือไปอ่านได้ เพราะไปคนเดียว

- ช่วงนี้งานจะเยอะหน่อย บางวันฉันเลยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไว
- วันนี้ก็เหมือนกัน
- ตอนเย็นมี session “Friday Techtalk” ประจำทุกอาทิตย์ อาทิตย์นี้มี Nutsumoto คุง video call มาจากออฟฟิศที่ Stuttgart ด้วย

- ตอนเย็นไปกินข้าวกับนีโม่ที่ร้านโบตั๋น

- แล้วก็ไปเดินต่อที่กาดรินคำ ที่ไม่ได้ไปมานานมากกกแล้ว
- พานีโม่ไปถักๆ ผม ที่บอกว่าอยากทำมาสักพักแล้ว


- ในระหว่างที่นีโม่นั่งรอคิว ฉันเดินไปร้านหนังสือในห้าง Maya
- ได้หนังสือ how-to (อีกแล้ว) (แต่เรียกเล่มนี้ว่า anti-howto ละกัน)
- รู้สึกว่าถ่ายรูปกับภรรยาแล้วเข้ากันดี..

- เพลงที่ฟังบ่อยที่สุดใน Spotify ของฉันวันนี้คือ You’re Not The Only One (Redemption Song) ของ Lukas Graham
- รองลงมาคือ Sunflower จากหนัง Spider-Man: Into the Spider-Verse
- จะว่าไปแล้วก็เปิดแค่ 2 เพลงนี่แหละ วนทั้งวัน
- วันนี้อายุครบ 31 ปีแล้ว บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันน้อยหรือเยอะ
- เป็นอีกวันที่ได้ใช้ชีวิตธรรมดาๆ
- เป็นวันเกิดที่เงียบๆ เหมือนกับวันธรรมดาทั่วไปอย่างที่ตั้งใจไว้
- แต่พิเศษกว่าคือ เป็นวันศุกร์ที่เงินเดือนเข้าแล้วด้วย!
- แล้วก็ได้กินของอร่อยๆ เยอะกว่าปกติ
ช่วงต้นปี ที่บริษัทให้ทำแบบประเมินตัวเองในรอบปีที่ผ่านมา (performance review) ต้องทบทวนว่าที่ผ่านมา 1 ปีได้ทำงานอะไรไปบ้าง มีอะไรดีขึ้น อะไรแย่ลง อะไรควรพัฒนา
ฉันว่ามันเป็นไอเดียที่ดี ก็เลยถือโอกาสลองนั่งทบทวนตัวเองต่ออีกหน่อย มีจดไว้บ้าง นี่คือเท่าที่จะจำได้และนึกออก
- ปี 2018 เป็นปีที่ใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่มีอะไรหรือหวาหรือเซอไพรส์ (แต่ไม่ได้หมายความว่าน่าเบื่อนะ) เป็นอีกปีที่ใช้ชีวิตแบบปล่อยให้มันเป็นไปของมันเอง
- ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลย
- ด้านสุขภาพกายถือว่าโอเค ได้ออกกำลังการบ่อยๆ ปั่นบ้าง วิ่งบ้าง
- แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ หงอกเพิ่มขึ้นเยอะมาก
- เมื่อก่อนชอบให้นีโม่ถอนให้ ตอนนี้เลิกละเพราะมันเยอะเกิน ถอนไม่ไหว
- ถัดมาก็คงเป็นเรื่องสายตา รู้สึกว่าสายตาสั้นลงไปกว่าเดิม ขับรถตอนกลางคืนต้องใส่แว่นทุกครั้ง
- ปี 2018 โฟกัสของฉันวนๆ อยู่กับเรื่องความคิดและจิตใจของตัวเอง
- อาจจะเป็นปีที่ตั้งคำถามกับตัวเองเยอะมากกว่าที่ผ่านมา บางเรื่องหาคำตอบได้ บางเรื่องก็ยังไม่ได้
- ส่วนมากจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ในการตอบคำถามกับตัวเอง
- ตั้งใจไว้ว่าอยากเป็นคนใจเย็นลงกว่าเดิม ปี 2018 ก็คิดว่าทำได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ ยังมีอารมณ์ร้อนอยู่บ้าง
- ก็คือยังเป็นคนดื้ออยู่นั่นเอง
- แต่สุขภาพจิต (mental health) โดยรวมๆ ก็ถือว่าโอเคอยู่
- คำที่พูดกับตัวเองบ่อยที่สุด คือคำว่า shut up
- ชอบใช้บอกตัวเองเวลาความคิดมันเริ่มไปเรื่อย หรือเริ่มมีการทะเลาะกันระหว่างความคิดด้านดีกับด้านเลว
- บอกว่า shut up คือมึงหุบปากไปแล้วทั้งสองตัว (บอกตัวเอง)
- หรือเวลาที่มีความคิดเพ้อเจ้อ ก็จะบอกตัวเองให้ shut up เหมือนกัน
- ยิ่งอายุเยอะขึ้น ฉันก็ได้เรียนรู้มากขึ้นว่า จริงๆ ชีวิตเราแม่งไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมายในการใช้ชีวิตเลย
- ไม่ต้องมีเยอะ ก็มีความสุขได้
- อีกสิ่งหนึ่งที่ได้เข้าใจมากขึ้นก็คือ ชีวิตเราสามารถก้าวถอยหลัง (step back) มาได้เสมอ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าทางที่กำลังเดินอยู่ ไม่ใช้ทางที่เราอยากเดิน
- และการก้าวถอยหลังไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย บางทีชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา
- ส่วนในปี 2019 นี้ โฟกัสก็ยังคงเป็นอย่างเดิม คืออยากเป็นคนที่ใจเย็นลง สุขุมมากขึ้น และก็แข็งแรงมากขึ้นทั้งกายและใจ
- (โดยเฉพาะเรื่องร่างกาย แปลกดีที่พอเห็นตัวเองอายุเยอะขึ้น เห็นร่างการมันเริ่มมีการเสื่อมถอยลง ฉันกลับอยากที่จะแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม)
- แล้วก็อยากเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิตเหมือนที่เป็นมา
- ไม่ว่าจะอะไรที่ผ่านมา อะไรที่มีอยู่ จะดีหรือไม่ดี ก็ยังอยากมีความสุขกันมันไปแบบนี้
- ถ้าวันหนึ่งได้กลับมาอ่านโพสต์นี้ ฉันอยากบอกตัวเองตอนนั้นว่า
you will think about your past
you will regret
and you will move on
รักและคิดถึง
– ดช. อามโน
อายุ 31 ปี 15 ชั่วโมง 17 นาที
ปล. โพสต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ 29 มีนา