848 – 1988

  • วันนี้ค่าฝุ่นควัน PM2.5 สูงขึ้นจากเมื่อวาน ค่า AQI อยู่ที่ประมาณ 200+
  • เป็นวันศุกร์ที่ก็ต้องไปทำงานตามปกติ ไปถึงออฟฟิศประมาณ 8.30
  • มื้อเช้าเป็นข้าวราดแกงจากร้านข้าวแกงพระนคร ใกล้วงเวียนซอยช่างเคี่ยน
  • ตามด้วยกาแฟ piccolo latte เหมือนเดิม

  • ยังไม่ทันเริ่มทำงาน Sara Lee ขอให้ช่วยซ่อมคอมให้ก่อน รันโปรเจ็คไม่ได้
  • ใช้เวลางมกันสองคนอยู่ประมาณ 1 ชม. กว่าๆ ไม่รู้ฉันได้ไปช่วยหรือทำให้มันพังกว่าเดิมนะ 555
  • แต่วันนี้ก็รู้สึกว่าเป็นวันศุกร์ที่ productive ดี

  • เนื่องจากวันนี้เป็นศุกร์ มื้อเที่ยงวันศุกร์จึงต้องไม่ธรรมดา
  • ในกลุ่มจะเรียกกันว่า friday special
  • คือการหาข้ออ้างว่าเป็นวันศุกร์ เพื่อที่จะได้กินเยอะกว่าเดิม
  • ฉันไปกินสเต็กร้านหลิว .. ซึ่งหลิวคือชื่อน้องที่ทำงาน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ร้าน เพียงแต่เคยไปแล้วเจอหลิวนั่งกินอยู่ เลยเรียกว่า สเต็กร้าน(ของ)หลิว
  • อร่อย และถูกดี ทั้งโต๊ะนี่ 125 บาทมั้ง
  • มีหนังสือไปอ่านระหว่างรอด้วย เอาหนังสือไปอ่านได้ เพราะไปคนเดียว
  • ช่วงนี้งานจะเยอะหน่อย บางวันฉันเลยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไว
  • วันนี้ก็เหมือนกัน
  • ตอนเย็นมี session “Friday Techtalk” ประจำทุกอาทิตย์ อาทิตย์นี้มี Nutsumoto คุง video call มาจากออฟฟิศที่ Stuttgart ด้วย
  • ตอนเย็นไปกินข้าวกับนีโม่ที่ร้านโบตั๋น
  • แล้วก็ไปเดินต่อที่กาดรินคำ ที่ไม่ได้ไปมานานมากกกแล้ว
  • พานีโม่ไปถักๆ ผม ที่บอกว่าอยากทำมาสักพักแล้ว
พี่คนนี้เล่นเพลง Blues
  • ในระหว่างที่นีโม่นั่งรอคิว ฉันเดินไปร้านหนังสือในห้าง Maya
  • ได้หนังสือ how-to (อีกแล้ว) (แต่เรียกเล่มนี้ว่า anti-howto ละกัน)
  • รู้สึกว่าถ่ายรูปกับภรรยาแล้วเข้ากันดี..
  • รองลงมาคือ Sunflower จากหนัง Spider-Man: Into the Spider-Verse
  • จะว่าไปแล้วก็เปิดแค่ 2 เพลงนี่แหละ วนทั้งวัน

  • วันนี้อายุครบ 31 ปีแล้ว บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันน้อยหรือเยอะ
  • เป็นอีกวันที่ได้ใช้ชีวิตธรรมดาๆ
  • เป็นวันเกิดที่เงียบๆ เหมือนกับวันธรรมดาทั่วไปอย่างที่ตั้งใจไว้
  • แต่พิเศษกว่าคือ เป็นวันศุกร์ที่เงินเดือนเข้าแล้วด้วย!
  • แล้วก็ได้กินของอร่อยๆ เยอะกว่าปกติ

ช่วงต้นปี ที่บริษัทให้ทำแบบประเมินตัวเองในรอบปีที่ผ่านมา (performance review) ต้องทบทวนว่าที่ผ่านมา 1 ปีได้ทำงานอะไรไปบ้าง มีอะไรดีขึ้น อะไรแย่ลง อะไรควรพัฒนา

ฉันว่ามันเป็นไอเดียที่ดี ก็เลยถือโอกาสลองนั่งทบทวนตัวเองต่ออีกหน่อย มีจดไว้บ้าง นี่คือเท่าที่จะจำได้และนึกออก

  • ปี 2018 เป็นปีที่ใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่มีอะไรหรือหวาหรือเซอไพรส์ (แต่ไม่ได้หมายความว่าน่าเบื่อนะ) เป็นอีกปีที่ใช้ชีวิตแบบปล่อยให้มันเป็นไปของมันเอง
  • ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลย
  • ด้านสุขภาพกายถือว่าโอเค ได้ออกกำลังการบ่อยๆ ปั่นบ้าง วิ่งบ้าง
  • แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ หงอกเพิ่มขึ้นเยอะมาก
  • เมื่อก่อนชอบให้นีโม่ถอนให้ ตอนนี้เลิกละเพราะมันเยอะเกิน ถอนไม่ไหว
  • ถัดมาก็คงเป็นเรื่องสายตา รู้สึกว่าสายตาสั้นลงไปกว่าเดิม ขับรถตอนกลางคืนต้องใส่แว่นทุกครั้ง

  • ปี 2018 โฟกัสของฉันวนๆ อยู่กับเรื่องความคิดและจิตใจของตัวเอง
  • อาจจะเป็นปีที่ตั้งคำถามกับตัวเองเยอะมากกว่าที่ผ่านมา บางเรื่องหาคำตอบได้ บางเรื่องก็ยังไม่ได้
  • ส่วนมากจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ในการตอบคำถามกับตัวเอง
  • ตั้งใจไว้ว่าอยากเป็นคนใจเย็นลงกว่าเดิม ปี 2018 ก็คิดว่าทำได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ ยังมีอารมณ์ร้อนอยู่บ้าง
  • ก็คือยังเป็นคนดื้ออยู่นั่นเอง
  • แต่สุขภาพจิต (mental health) โดยรวมๆ ก็ถือว่าโอเคอยู่

  • คำที่พูดกับตัวเองบ่อยที่สุด คือคำว่า shut up
  • ชอบใช้บอกตัวเองเวลาความคิดมันเริ่มไปเรื่อย หรือเริ่มมีการทะเลาะกันระหว่างความคิดด้านดีกับด้านเลว
  • บอกว่า shut up คือมึงหุบปากไปแล้วทั้งสองตัว (บอกตัวเอง)
  • หรือเวลาที่มีความคิดเพ้อเจ้อ ก็จะบอกตัวเองให้ shut up เหมือนกัน
  • ยิ่งอายุเยอะขึ้น ฉันก็ได้เรียนรู้มากขึ้นว่า จริงๆ ชีวิตเราแม่งไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมายในการใช้ชีวิตเลย
  • ไม่ต้องมีเยอะ ก็มีความสุขได้
  • อีกสิ่งหนึ่งที่ได้เข้าใจมากขึ้นก็คือ ชีวิตเราสามารถก้าวถอยหลัง (step back) มาได้เสมอ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าทางที่กำลังเดินอยู่ ไม่ใช้ทางที่เราอยากเดิน
  • และการก้าวถอยหลังไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย บางทีชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา

  • ส่วนในปี 2019 นี้ โฟกัสก็ยังคงเป็นอย่างเดิม คืออยากเป็นคนที่ใจเย็นลง สุขุมมากขึ้น และก็แข็งแรงมากขึ้นทั้งกายและใจ
  • (โดยเฉพาะเรื่องร่างกาย แปลกดีที่พอเห็นตัวเองอายุเยอะขึ้น เห็นร่างการมันเริ่มมีการเสื่อมถอยลง ฉันกลับอยากที่จะแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม)
  • แล้วก็อยากเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิตเหมือนที่เป็นมา
  • ไม่ว่าจะอะไรที่ผ่านมา อะไรที่มีอยู่ จะดีหรือไม่ดี ก็ยังอยากมีความสุขกันมันไปแบบนี้

  • ถ้าวันหนึ่งได้กลับมาอ่านโพสต์นี้ ฉันอยากบอกตัวเองตอนนั้นว่า

you will think about your past
you will regret
and you will move on

รักและคิดถึง
– ดช. อามโน
อายุ 31 ปี 15 ชั่วโมง 17 นาที

ปล. โพสต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ 29 มีนา

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

%d bloggers like this:
close-alt close collapse comment ellipsis expand gallery heart lock menu next pinned previous reply search share star